วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

5 คำพูด Bill Gates ที่จะบอกว่าความ “ล้มเหลว” นี่แหละคือครูที่ดีที่สุด!

วันนี้ เอา5 คำพูด Bill Gates ที่จะบอกว่าความ “ล้มเหลว” นี่แหละคือครูที่ดีที่สุด! มาให้รับฟังกันครับ ลองมาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ

Bill Gates คือคนที่รวยที่สุดในโลกในเวลานี้ ด้วยวัย 58 ปี เขามีทรัพย์สินสุทธิ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.56 ล้านล้านบาท เขาเป็นทั้งนักคิดค้นนวัติกรรม ชอบทำการกุศล และยังเป็นคนที่มีข้อคิดแรงบันดาลใจมาให้คนทั้งโลกอยู่เสมอๆ

ในปี 1975 Gates ลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดเพื่อร่วมก่อตั้ง Microsoft กับ Paul Allen เพื่อนของเขา และเพียงแค่ 12 ปีต่อมา เขาได้กลายเป็นเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก และสร้างบริษัทซอฟแวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ

Gates คือตัวอย่างของคนที่สำเร็จได้ด้วยตนเอง จากความฝันที่ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แถมเขาก็เรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้ และเขาก็เป็นคนที่ใจบุญมากที่สุดคนหนึ่งของโลกเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมา เขาบริจาคเงินผ่านมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation ไปแล้วกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 896,000 ล้านบาท

วันนี้เราขอนำคำพูดของ Bill Gates ที่จะตอกย้ำความสำเร็จ และความใจบุญของเขา และยังบอกอีกว่า การที่คุณจะประสบความสำเร็จ บางทีคุณอาจจะต้อง “ล้มเหลว” สักครั้งก่อนก็เป็นได้/strong>


1. “ความสำเร็จ เป็นครูที่ไม่ดี เพราะมันทำให้คนเก่งๆ หลายคน แพ้ไม่เป็น! ”

ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน การอ่อนน้อมถ่อมตนคือสิ่งที่สำคัญ เพราะความสำเร็จก็เหมือนชีวิตคนเรานั่นแหละ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนไปตลอด คุณสำเร็จในวันนี้ แต่ตื่นขึ้นมาในวันถัดไป ทุกอย่างอาจจะหายวับไปกับตาก็เป็นได้

ทางที่ดีที่สุดก็คือ ถึงแม้วันนี้ชีวิตคุณจะเปลี่ยน เพราะคุณประสบความสำเร็จ แต่อย่าให้มันเปลี่ยนแปลงตัวตนที่อยู่ภายในของคุณ คุณยังปฏิบัติต่อทุกคนรอบตัวเหมือนเช่นเดิม และรู้จักที่จะให้อะไรคืนสู่โลกที่คุณอาศัยอยู่บ้าง

การเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือ เรียนรู้จากความล้มเหลว ไม่ใช่เรียนรู้จากความสำเร็จ เพราะฉะนั้น อย่าให้ความสำเร็จในวันนี้มาบังตาคุณ


2. “อย่าเปรียบเทียบตัวคุณเอง กับใครก็ตามในโลก เพราะถ้าคุณทำ คุณกำลังดูถูกตัวเองแล้วล่ะ”

คุณมีความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เพราะฉะนั้น จำไว้ว่า ความสำเร็จมันขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะให้คำนิยามเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตในทุกๆ วันของคุณอย่างมีค่าที่สุด อย่าเปรียบเทียบความสำเร็จของคุณ กับของคนอื่น

เราทุกคนเดินด้วยความเร็วที่ต่างกัน เดินกันคนละเส้นทาง และถึงแม้บางทีเราอาจจะหลงทาง ผิดพลาดไปบ้าง ก่อนที่เราจะสำเร็จ แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ความสำเร็จไม่ใช่หรอ ดังที่ J.R.R. Tolkien เคยกล่าวไว้ว่า “Not all those who wander are lost. – ไม่ใช่ทุกคนที่เดินไปมา คือคนที่กำลังหลงทางทั้งหมดหรอกนะ”


3. “ลูกค้าที่โหดสุดๆ ของคุณ หรือไม่พอใจในการบริการของคุณที่สุด คือบทเรียนที่ดีที่สุดของคุณ”

นี่คือคำแนะนำที่ดีมากๆ สำหรับผู้ประกอบการว่า บทเรียนที่ดีที่สุดของคุณ คือลูกค้าที่ไม่พอใจในสินค้าหรือบริการของคุณ ยิ่งถ้าเจอลูกค้าหลายๆ คนบ่นเรื่องเดียวกัน นั่นหมายความว่า คุณรู้แล้วว่า คุณต้องแก้ปัญหาที่จุดไหน

สิ่งนี้ใช้ได้กับ คนอื่นๆ เช่นกันในการใช้ชีวิต เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างดี จากคนที่ไม่ชอบเรา หรือไม่พอใจเรา โดยเฉพาะคนใกล้ตัว เพราะมันทำให้เรารู้ว่า เราควรปรับปรุงตรงไหนหรือเปล่า ที่เขาไม่พอใจมันเพราะอะไร ซึ่งถึงแม้หลายๆ คนอาจจะบอกว่า เราไม่ควรสนใจสิ่งที่คนอื่นคิดมากเกินไป แต่นั่น คือความจริงในแง่ของคนที่เราไม่รู้จัก หรือ คนแปลกหน้า แต่ถ้ากับคนใกล้ตัวเรา เกิดไม่พอใจอะไรเราขึ้นมา นั่นคือเรื่องที่เราต้องคิด และดูว่า เราต้องปรับปรุงอะไรหรือไม่ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือ คุยกับเขา สื่อสารให้เข้าใจกัน และแก้ไขต่อไป

4. “ดีๆ กับพวกเนิร์ดๆ ไว้ก็ดี วันข้างหน้า คุณอาจจะต้องทำงานให้พวกเขาก็ได้”

ความนิยมของบุคคล บางทีมันก็เป็นอะไรที่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ตลอดเมื่อเวลาผ่านไป คนที่ดูขี้แพ้สุดๆ ตอนเรียนประถม พอขึ้นมอปลาย อาจจะกลายเป็นสาวฮอต ได้เป็นควีนงานพรอมของโรงเรียนก็เป็นได้

เหมือนกัน บางทีเราเห็นคนเนิร์ดในหมาวิทยาลัย ก็อาจจะไม่อยากยุ่งด้วย หรือคบด้วย เพราะดูไม่เจ๋ง แต่คิดดูดีๆ พวกนี้บางทีอาจจะออกจากมหาวิทยาลัย ไปสร้างชื่อ สร้างโลก และสุดท้ายคุณอาจจะต้องไปทำงานให้กับคนเหล่านั้นในชีวิตจริงก็เป็นได้

เพราะฉะนั้น การทำดีกับคนอื่นๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม คือสิ่งที่ดี เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้า คนคนนั้นจะกลายไปเป็นใคร เราอาจจะต้องร่วมงานกับเขา ขอความช่วยเหลือเขา หรือเกื้อกูลกันในอนาคต เอาเป็นว่า มนุษยสัมพันธ์ดีไว้ก่อน ดีที่สุด

5. “ชีวิตไม่เคยยุติธรรมหรอก…ชินซะเถอะ”

ชีวิตคนเราไม่เคยงดงาม และโรยด้วยกลีบกุหลายหรอกนะ บางคนอาจจะดูชีวิตง่าย บางคนอาจจะมีชีวิตที่ยาก ชีวิตคนเราไม่เคยที่จะยุติธรรมอยู่แล้วล่ะ สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือ “ยอมรับมัน และชินกับมันซะ” พยายามมองเรื่องดีๆ ในเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณ และจำไว้ว่า แสงสว่างจะไม่เกิดขึ้น ถ้ามันไม่มีความมืดมนเกิดขึ้นซะก่อน

เพียงคุณยอมรับมันได้ว่า ความเจ็บปวด ความล้มเหลว คือส่วนหนึ่งของชีวิต ที่เป็นธรรมชาติ คุณก็จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้ และใช้มันนั่นแหละเป็นคุณครูที่จะเอาไว้สู้กับปัญหาในครั้งต่อไป แล้วกลับมาพบกันใหม่กับ SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

30 วิธีฉลาดสุดๆ ที่ทำให้ชีวิตคุณ “ง่ายขึ้น” ไปดูว่ามีอะไรบ้าง!

ในบางที เราก็คาดไม่ถึงนะครับ ว่าของบางอย่างภายในบ้าน มันก็ช่วยให้หลายๆ อย่างในชีวิตเรามัน “ง่ายขึ้น” โดยที่เราไม่รู้ตัว หรือ ของบางอย่าง ที่มีวิธีใช้มันในอีกแบบหนึ่ง ที่เราไม่เคยรู้ แต่มันช่วยเราได้มากๆ วันนี้ หนูเลยขอรวมเอา 30 วิธีฉลาดสุดๆ ที่ทำให้ชีวิตคุณ “ง่ายขึ้น” มาฝากกัน ไปดูเลยว่ามีอะไรบ้าง! 
1. ใช้ที่หนีบผ้า มาเก็บขนมที่ทานไม่หมด!

Distractify

2. ถ้าคุณห่อกระดาษทิชชู่เปียกที่ขวดที่เป็นแก้ว แล้วแช่ช่อง Freeze ขวดนั้นจะเย็นภายใน 2 นาที

Buzzfeed

3. วิธีเก็บเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าที่เจ๋งที่สุด

Distractify

4. วางสองถ้วยในไมโครเวฟขนาดเล็ก ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

Distractify

5. วิธีแก้ท่ออุดตันโดยไม่ต้องเสียเงินแพง

Distractify

เทเบคกิ้งโซดาครึ่งถ้วย และตามด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย ลงในท่อที่ตันแค่นี้จบ!

6. ตั้งมือถือสมาร์ทโฟนไปที่ Airplane Mode จะชาร์ตเต็มเร็วขึ้นสองเท่า

Distractify

7. ใช้กิ๊บดำม้วนหลอดยาสีฟัน เพื่อใช้ให้คุ้มที่สุด!

Buzzfeed

8. ครัวเล็กไปหรอ ลองดึงลิ้นชักออกมาแล้ววางเขียงแทนสิ ใช้ได้เลยนะ!!

Buzzfeed

9. จะไปชายหาดหรอ…เอาขวดโลชั่นกันแดดมาล้างแล้วใส่ของสิ

Buzzfeed
คงไม่มีใครคิดจะขโมยครีมกันแดดใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นเอาของมีค่าใส่ในขวดครีมกันแดดเลย รับรอง คุณจะสามารถเล่นน้ำได้หายห่วงเลยล่ะ

10. กันหม้อต้มน้ำเดือดจนล้น ให้เอาช้อนหรือทัพพีไม้วางไว้บนหม้อ แค่นี้ก็เรียบร้อย
more-lifehacks-11
justsomething

11. วิธีพับเสื้อยืดแบบเซียน
more-lifehacks-25
justsomething

12. เอาหนังสือพิมพ์เก่าวางไว้ก้นถังขยะ จะได้ซึมน้ำที่ไหลจากขยะเปียก

Distractify

13. อยากให้อาหารที่เวฟ ร้อนทั่วกัน เขาให้เอาช้อนเขี่ยๆ อาหารตรงกลางออกเป็นรู ตามภาพ

Distractify

14. หมุนแล้วดึงปีกไก่ออก คุณจะสามารถถอดกระดูกออกมาได้อย่างง่ายดาย

justsomething

15. ใช้ใบมีดโกนเก่ามาขูด กางเกงยีนส์ตัวเก่าของคุณจะดูใหม่ขึ้น
more-lifehacks-5
justsomething

16. ทำโคมไฟจากขวดนมสีขาว!
more-lifehacks-4
justsomething

17. วิธีหั่นมะเขือเทศลูกเล็กที่ฉลาดสุดๆ

justsomething

18. คุณสามารถใช้ถ่านขนาด AAA แทน AA ได้ เพียงแค่คุณอุดช่องว่างที่เหลือด้วยกระดาษฟอยล์
more-lifehacks-8
justsomething

19. ลำโพงไอโฟนอย่างง่ายที่สุด
more-lifehacks-16
justsomething

20. วิธีดัดแปลงเตียงนอนเด็กให้ใช้ประโยชน์ต่อได้ แม้เด็กๆ จะโตแล้วก็ตาม

Distractify

21. ใช้ลูกเทนนิสไว้ยึดจับของ

Distractify

22. ใส่ถุงชาไว้ในรองเท้า หรือกระเป๋าใส่ของไปยิม จะช่วยดูดกลิ่นได้ดี

Distractify

23. แล้วแซนด์วิชก็อร่อยขึ้นกว่าเดิมอีก

Buzzfeed

24. ยาทาเล็บใส จะช่วยให้กระดุมไม่หลุดออกมา

Buzzfeed

25.ใช้ Post-it กำจัดฝุ่นจากคีย์บอร์ด

Buzzfeed

26. ใช้สปริงจากปากกาแท่งเก่ามาช่วยถนอมสายชาร์จมือถือของคุณ

Buzzfeed

27. ที่รัดขนมปัง ช่วยชีวิตรองเท้าแตะคุณได้!

Buzzfeed

28. หากไปเที่ยว ลองซ่อนเงินเผื่อฉุกเฉินไว้ในหลอดหมากฝรั่งสิ

Buzzfeed

29. วิธีแก้ซิบร่วงสุดเจ๋ง

Distractify

30. วิธีหั่นส้มแสนง่ายใน 4 ขั้นตอน

Distractify


เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 30 วิธีง่ายๆ ที่คุณก็ทำเองได้ ง่ายๆแบบนี้อย่าลืมไปลองทำกันดูนะครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่กับ SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พบกับวิธีเลือกสีกางเกงให้แมตช์กับสีเสื้อสูทได้ลงตัว




วันนี้ก็มาพบกับวิธีเลือกสีกางเกงให้แมตช์กับสีเสื้อสูทได้ลงตัวเป๊ะ เคล็ดลับการเลือกสีกางเกงให้เข้ากับสีเสื้อสูทสำหรับผู้ชายให้ดูลงตัว เพื่อลุคหล่อเนี้ยบและดูน่าเชื่อถือ

          เมื่อพูดถึงการเลือกใส่สูทแล้ว คุณผู้ชายหลายคนคงมีวิธีเลือกมิกซ์ แอนด์ แมตช์ที่แตกต่างกันออกไป ทว่าโดยส่วนใหญ่คงเลือกใช้วิธีแบบเพลย์เซฟคือ เลือกใส่เสื้อสูทกับกางเกงสีเดียวกันเสมอ แต่ความจริงคุณสามารถพลิกแพลงสีกางเกงกับเสื้อสูทได้มากกว่าที่คิด ซึ่งวันนี้เราก็มีเคล็ดลับมาฝากกันด้วยครับ

           เสื้อสูทสีเทา

ภาพจาก asos

          เมื่อคุณเลือกจะใส่เสื้อสูทสีเทาแล้ว ขอให้ลืมกางเกงสีสันสว่างสดใสไปได้เลย เพราะมันไม่เข้ากันอย่างแรง แต่ควรยืนพื้นด้วยกางเกงสีเบสิกอย่าง สีขาว ดำ หรือเทาไว้จะดีที่สุด

           เสื้อสูทสีกรมท่า




ภาพจาก asos

          แน่นอนว่าสีที่เข้าคู่กันกับเสื้อสูทสีกรมท่าก็ต้องเป็นกางเกงสีเดียวกัน แต่ช้าก่อน ! คุณยังสามารถสนุกกับการแต่งกายได้อีกกับสูทสีนี้ โดยสีกางเกงที่นำมาแมตช์กับเสื้อสูทสีกรมท่าได้ลงตัวเหมาะเจาะได้แก่ สีขาว ดำ เทาอ่อน และเทาเข้ม เป็นต้น 

           เสื้อสูทสีฟ้าหรือน้ำเงิน


ภาพจาก Marcel Floruss

          อาจเป็นสีเสื้อสูทนี้อาจไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไร แต่หากมีไว้ในครอบครองก็นำมามิกซ์ แอนด์ แมตช์ให้ดูโก้ขึ้นได้เหมือนกัน ดังนั้นให้คุณหากางเกงสีขาว เทา หรือกรมท่ามาใส่จับคู่กัน นอกจากนี้เสื้อสูทสีดังกล่าวยังนำมาใส่กับกางเกงชิโน่ ยีนส์ หรือกางเกงผ้ากากี เพื่อให้ดูเป็นหนุ่มร่วมสมัยได้เหมือนกัน

           เสื้อสูทสีดำ


ภาพจาก asos

          มาถึงสีสุดฮิตอย่าง สีดำ กันบ้าง ซึ่งนอกจากกางเกงสีดำแล้ว หนุ่ม ๆ อาจอยากลองเปลี่ยนฟีลมามิกซ์กับสีอื่น ๆ ดูบ้าง เพื่อสร้างลุคที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นกางเกงสีโทนเข้มอย่างกรมท่าหรือเทา แต่ถ้าอยากให้ท่อนบนกับท่อนล่างดูฉีกออกจากกันไปเลย กางเกงสีขาวหรือยีนส์เดนิมก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

           เสื้อสูทสีเบจ

ภาพจาก asos

          สำหรับคนที่ชอบใส่เสื้อสูท สีเบจ หรือ สีน้ำตาลอ่อน ตัวเลือกที่จับคู่ได้เพอร์เฟคท์ที่สุดคงหนีไม่พ้นสีเบจแน่นอน ทว่าถ้าจะใส่คู่กับกางเกงสีขาว เทาโทนสว่าง หรือสีน้ำเงินก็ดูเท่ไปอีกแบบนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยครับ 

           เสื้อสูทสีน้ำตาล

ภาพจาก Marcel Floruss

          ปิดท้ายกันด้วยเสื้อสูทสีน้ำตาลที่ให้ลุคดูวินเทจหน่อย ๆ คงไม่มีกางเกงสีไหนจะดูเข้ากั๊นเข้ากันได้มากกว่าสีโทนน้ำตาลเหมือนกันอีกแล้ว ไม่ว่าจำเป็นน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลอ่อน อ้อ แต่หากอยากจับคู่ใส่กับกางเกงสีขาวก็ดูโอเคอยู่นะ

Credit: sanook

          เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หลังจากได้ทราบวิธีมิกซ์ แอนด์ แมตช์สีกางเกงให้เข้ากับเสื้อสูทกันไปเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ปัญหาเรื่องการจับคู่สีเสื้อสูทกับกางเกงของหนุ่ม ๆ ก็หมดไป ยังไงก็ติดตามอ่านกันต่อไปเรื่อย ๆ แล้วละกัน รับรองว่าเราจะสรรหาเทคนิคการเลือกเครื่องแต่งกายมาฝากอีกแน่นอนครับแล้วกลับมาพบกันที่ SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

6 Quote จาก Richard Branson ที่ชี้ว่า ถ้าอยากสำเร็จ ต้องลุย!!


หากใครได้ยินชื่อ Richard Branson คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเขาคือนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงมากที่สุดระดับโลกคนหนึ่งในปัจจุบัน และไม่ใช่แค่นั้น นอกจากการเป็นนักธุรกิจแล้ว เขายังเป็นนักปรัชญา และนักผจญภัยอีกด้วย เขาเริ่มธุรกิจครั้งแรกตอนที่เขาอายุ 16 ปี ซึ่งนั้นเป็นธุรกิจแรก ของธุรกิจอีกหลายอย่าง ที่มีชื่อนายคนนี้เป็นคนกุมบังเหียน

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับชายคนนี้ ไม่ใช่ด้วยสาเหตุที่เขาร่ำรวยมากที่สุดคนหนึ่งของโลกจากธุรกิจ Virgin Group ของเขา แต่มันคือความพยายามของเขา ในการที่จะสร้างสิ่งดีๆ กลับคืนให้กับโลกต่างหากล่ะ เขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนมากมาย จากการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกๆ วันของเขา เขาเป็นนักฝัน และไม่เคยเลย ที่เขาจะไม่กล้าเสี่ยง และสู้เพื่อสิ่งที่เขาต้องการ ถึงแม้เขาจะมีล้มเหลวบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และการเป็นผู้ประกอบการ ไม่มีคนไหนหรอก ที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน มันขึ้นอยู่กับว่า คุณเรียนรู้จากความล้มเหลว และผิดพลาดได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่ง Richard Branson คือตัวอย่างที่ทำให้ทุกคนรู้ว่า ทุกอย่างที่เขาเจอ ที่เขาสู้ และที่เขาผิดพลาด มันทำให้เขาประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งวันนี้ Kiitdoo ขอเอา Quote ของ Richard Branson ที่เล่าเรื่องราวการต่อสู้ต่างๆ ของเขามาฝากกัน แล้วคุณจะถึงบางอ้อว่า ทำไมเขาถึงยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้!



1. “80% ของชีวิตหมดไปกับการทำงาน ในเมื่อเรามักจะต้องการที่จะมีความสุขและสนุกเมื่ออยู่บ้าน ทำไมเราถึงไม่อยากที่จะมีความสุขและสนุกเมื่ออยู่ที่ทำงานด้วยล่ะ”

หลายๆ คนตื่นมาทุกวันนี้พร้อมความรู้สึกที่ว่า “เบื่องาน ไม่อยากทำงาน หรือแม้กระทั่งเกลียดงานที่ทำอยู่” วิธีแก้ง่ายนิดเดียว ก็เปลี่ยนงานสิ! จำไว้นะว่า อย่าคิดว่า เราจะไม่สามารถหางานที่ดีกว่านี้ได้แล้ว หรือว่า เราโชคดีมากแล้ว เพราะยังมีคนตกงานอีกมากมาย

ชีวิตคนเรามันสั้น อย่าเสียเวลากับงานที่คุณไม่รัก หรือไม่ชอบ ลองจิตนาการชีวิตของคุณที่พอคุณตื่นมา คุณรู้สึกตื่นเต้นอยากมาทำงานทุกๆ วัน สิ่งนี้ ไม่ไกลเกินเอื้อม! คุณสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ เพียงแค่คุณต้องสู้กับมันสักตั้ง เท่านั้นเอง!



2. “คุณไม่ได้เรียนรู้จากการทำตามกฏ คุณจะได้เรียนรู้ เมื่อคุณลงมือทำ และการผิดพลาดบ้าง ล้มเหลวบ้าง นั่นแหละคือการเรียนที่แท้จริง!”

ความกล้า คือสิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับต้นๆ ของนักธุรกิจ! อย่าใช้ชีิวิตตามที่คนอื่นบอกให้คุณเป็น หรือสังคมคาดหวัง การที่คุณจะประสบความสำเร็จ คุณต้องกล้าคิดอะไรที่ต่างจากคนอื่น จำได้หรือไม่ว่า ครั้งหนึ่ง “เครื่องบิน” เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และคนต่างมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ดูวันนี้สิ มนุษยชาติก็ทำสำเร็จ! เพราะฉะนั้น จำไว้เลยว่า กล้าเท่านั้น! ถึงล้มก็ช่างมัน แล้วเราก็ลุกขึ้นใหม่ แล้วอย่าลืมล่ะ คิดบวกเสมอ!



3. “ธุรกิจของผมไม่ใช่แค่ ตัวทำเงิน แต่ผมคิดว่ามันคือ การผจญภัยที่ทำให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น นี่แหละความตั้งใจของผม”

ถ้าทำได้ จงทำให้ชีวิตของคุณ และงานของคุณคือการผจญภัย ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้จากทุกก้าวเดินของคุณเอง และชักชวนคนรอบข้าง ให้เดินไปกับคุณด้วย เพื่อประสบความสำเร็จไปด้วยกัน!

หากคุณดูคนที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้นะเหรอ พวกเขามักสร้างสิ่งที่เขาสามารถแบ่งปันให้คนอื่นๆ บนโลกได้พัฒนาร่วมไปกับเขา ก้าวไปกับเขาทั้งสิ้น! เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะมันเป็นความจริงที่ว่า ถึงคุณจะรวยแค่ไหน สุดท้าย หากคุณตายไป คุณก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ แต่ถ้าคุณช่วยเหลือผู้อื่น คืนสิ่งดีๆ ให้สังคม ชื่อเสียงของคุณก็จะอยู่คู่โลกนี้ไปตลอด แม้ว่าคุณจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม


4. “แบรนด์ที่ดี มันสร้างขึ้นจากประวัติศาสตร์ของคนที่สร้างมันขึ้นมา มันเลียนแบบ หรือนำไปใช่ใหม่ไม่ได้หรอก”

“มีเอกลักษณ์” คือสิ่งที่ Richard Branson ยึดถือมาตลอด เขาเชื่อว่า เราจะไม่มีทางสำเร็จได้ จากการเลียนแบบของคนอื่นมาอีกทีหนึ่ง คนเราก็เหมือนกัน เราเกิดมาด้วยเอกลักษณ์ที่แต่ละคนมีและไม่เหมือนใคร อย่าพยายามประสบความสำเร็จด้วยการเลียนแบบคนอื่น หรืออยากเป็นเหมือนคนอื่น มันไม่เวิร์คหรอก สิ่งที่เราได้จากคนที่มาก่อนหน้าเรา คือการเรียนรู้จากเขา แต่ไม่ใช่การเลียนแบบ! จงใช้เอกลักษณ์ของคุณ ความคิดสร้างสรรค์ของคิด สร้างผลงานออกมา นั่นแหละ คือหนทางแห่งความสำเร็จ



5. “คนกล้า อาจจะอยู่ไม่นานเท่าไหร่ แต่คนที่ไม่กล้าเลย…แย่กว่า เพราะเขาถือว่า “ไม่ได้ใช้ชีวิตเลย” นั่นเอง”

ประธานาธิบดีลินคอล์น เคยพูดไว้ว่า “In the end, it’s not the years in your life that count. It’s the life in your years.” หมายความว่า ในที่สุด สิ่งที่สำคัญ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า คุณอายุยืนกี่ปี แต่มันอยู่ที่ว่า คุณใช้จำนวนปีที่คุณอยู่ คุ้มค่าหรือเปล่า เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ใช้ชีวิตทุกวันนี้ให้คุ้มที่สุด กล้าเสี่ยงเพื่อสิ่งที่คุณต้องการ กล้าทำในสิ่งที่คุณรัก ลองสิ่งใหม่ๆ และเอาชนะความกลัวให้ได้ เพราะความกลัว จะทำให้คุณไม่ได้ใช้ศักยภาพของคุณได้อย่างเต็มที่ และสุดท้าย คุณจะมานั่งเสียดายทีหลัง เมื่อทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วนั่นเอง



6. “ช่างมัน เราต้องสู้ อย่าหยุด!”

นี่อาจจะเป็นสิ่งที่คุณต้องพูดกับตัวเองให้บ่อยที่สุดก็เป็นได้ ถ้าเกิดคุณเริ่มทำอะไร แต่คุณลังเล เพราะมีอุปสรรค “อย่าหยุด!” เพราะหากคุณหยุด เพียงเพราะความผิดพลาด หรือความกลัวของคุณ คุณจะเสียใจที่หลังที่คุณไม่สู้ต่อ! จำไว้เลยว่า ความผิดพลาดคือเรื่องปกติมากๆ ที่เกิดขึ้นกับคนที่ประสบความสำเร็จทุกคนบนโลกใบนี้ มันขึ้นอยู่กับมุมมองแค่นั้นเอง ว่าคุณมองอุปสรรคและความผิดพลาดนั้นว่ายังไง แต่เอาเป็นว่า ถ้าคุณเจอข้อผิดพลาดแล้ว ก็รู้จักพูดกับตัวเองซะบ้างว่า “ช่างมันเถอะ!”

ครับผมอ่านแล้ว มีไฟขึ้นเยอะ ผมหวังว่าทุกท่านที่อ่านจะมีไฟลุกไปทำงานกันต่อนะครับ อย่ามากบางครั้ง เราทำให้มากพอมันก็จะประสบผลเอง แล้วกลับมาพบกันใหม่กับ SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พบกับ 40 อย่าง ที่คนรวยมีเหมือนกัน

05 40 นิสัยคนรวย
วันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆมาฝากกับ 40 อย่าง ที่คนรวยมีเหมือนกัน โดยลูกค้าของผมมีหลายแบบ วันนี้ผมจะนำความลับของลูกค้ามาเปิดเผย โดยเลือกเฉพาะลูกค้าที่ร่ำรวยความสุข มีความมั่นคง สนุกกับการทำงาน และชีวิตไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป มาเล่าให้ฟัง เพื่อนๆที่รักจะได้เห็นบางสิ่งบางอย่าง (นิสัย) ที่เหมือนกันของบุคคลเหล่านี้ ว่าเขามีความคิดอย่างไร เขาถึงมีความสุขกับชีวิต มีรายได้มากกว่ารายจ่ายหลายเท่า ทำไมเขาถึงร่ำรวยตั้งแต่อายุยังน้อยในขณะที่หลายคนไล่ล่าทั้งชีวิตยังไม่เจอ รวบรวมจากประสบการณ์การเป็นหมอดู 7 ปีของผม
เชิญอ่านได้เลยครับ
1. อย่าอายที่จะพูดเรื่องเงิน
2. เลือกวิธีที่สนุกในการหารายได้
3. มีเงินเข้ากระเป๋าไม่ต่ำกว่าสองทางขึ้นไป
4. ไม่มีข้ออ้างสำหรับการเรียนรู้
5. ไม่เคยพูดคำว่า มีเงินแต่ไม่มีความสุข จะมีไปทำไม
6. ลงทุนในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
7. เป้าหมายเรื่องรายได้ ชัดเจน
8. คิดเรื่องการเติบโตตลอดเวลา
9. ให้รางวัลตัวเองทุกครั้งที่ทำสำเร็จ
10. ไม่ได้ใช้เวลาทั้งหมดเพื่อการทำงาน
11. ไม่ได้เป็นคนที่เก่งหมดทุกอย่าง
12. ใช้คนเป็น เลือกคนเก่งมาเคียงข้างโดยไม่สนเรื่องค่าใช้จ่าย
13. กล้าทุ่มเทเงินให้กับสิ่งที่คุ้มค่า
14. หาแนวคิดและเหตุผลที่สนับสนุนความเชื่อตัวเอง
15. รักครอบครัว
16. ทุ่มเทความสะดวกสบายให้พ่อแม่
17. พ่อแม่อยากได้อะไรที่ไม่ผิดหาให้หมด
18. เอาแต่ใจ ดื้อเงียบ
19. ฟังมากกว่าพูด
20. ชื่นชมคนที่รวยกว่าด้วยลำแข้งตัวเอง
21. อ่อนน้อมถ่อมตน
22. คิดใหญ่กว่าคนธรรมดา
23. วิ่งเข้าหาความเป็นไปไม่ได้
24. ค้นหาโอกาส แสดงตัวทุกครั้งที่โอกาสมาถึง
25. ไม่เคยรอคำว่าพร้อม
26. เลือกคบหาคนที่มองโลกในแง่ดี
27. เข้าใจความเสี่ยง
28. กล้าพูดถึงความดีของตัวเอง
29. ทำบุญแบบถึงไหนถึงกัน
30. ลงเงิน ลงแรงช่วยเหลือคนอื่น
31. ชอบให้ความรู้เด็กรุ่นใหม่
32. ไม่ขี้บ่น ไม่เคยโทษคนอื่น
33. เจอปัญหา เขากลับบอกว่านี่ไม่ใช่ปัญหา นี่คือโจทย์
34. พัฒนาตัวเองตลอดเวลา
35. เป็นนักอ่านชั้นยอด
36. เห็นคุณค่าของเวลา
37. มองเห็นอนาคตทางการงานของตัวเอง
38. บอกได้ว่าตัวเองต้องการอะไร
39. แบ่งเวลาทำงานหนัก และให้รางวัลตัวเองอย่างหนัก
40. ชอบพูดคำว่า “พี่ยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ” เป็นประจำ
Credit:vittarot
เป็นอย่างนี้ นี่เองต่างกันที่วิธีคิดและทำ เราต้องปรับเปลี่ยนการคิดของเราบ้างแล้วละ เพื่อที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ
แล้วกลับมาพบกันใหม่กับ  SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

7 นิสัยเติมพลังเพิ่มความสุขในการทำงาน


วันนี้ผมก็เอาเรื่อ  7 นิสัยเติมพลังเพิ่มความสุขในการทำงาน มาฝากครับ เรื่องราวต่างๆ ที่จะทำให้คุณอารมณ์ดีเวลาทำงาน ไปลองรับชมกันเลยครับว่าเป็นอย่างไร

ที่ทำงานส่วนใหญ่จะปกคลุมไปด้วยบรรยากาศเคร่งเครียด เพราะทุกคนก็พยายามทำภาระหน้าที่อย่างใจจดใจจ่อมากที่สุด แต่หากปรับเปลี่ยนทัศนคติเติมความสุขเข้าไปในออฟฟิศสักหน่อย ด้วยการเปลี่ยนนิสัย 7 อย่างต่อไปนี้ การทำงานก็คงสดใสขึ้น

นิสัยที่ 1 คือ เริ่ม มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานก่อนจะเช็กอีเมลแม้ว่าการตรวจงานแต่เช้าจะฟังดูขยัน แต่การสังสรรค์กับคนข้างๆ ก่อนจะหลุดเข้าไปในหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เป็นเรื่องดีไม่น้อย

นิสัยที่ 2 คือ ชงกาแฟมาเผื่อเพื่อนๆ บ้างบางคนอาจจะกำลังง่วนอยู่กับการทำงานจนไม่มีเวลาลุกไปหยิบเอง ดังนั้นการแสดงให้เห็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ก็ย่อมสร้างความประทับใจได้อย่างแน่นอน

นิสัยที่ 3 คือ เร่งทำงานให้เสร็จเพื่อจะได้มีเวลากระชับสัมพันธ์การเร่งงานอาจจะเหนื่อยสักหน่อย แต่นอกจากงานจะเสร็จเร็วขึ้นแล้ว ยังมีเวลาเรื่องงาน เรื่องสัพเพเหระ หรือจะช่วยกันทำความสะอาดที่ทำงานเพื่อสุขภาพของทุกคนก็ได้

นิสัยที่ 4 คือ ยิ้มก่อน พูดทีหลังอาจจะฟังแล้วดูเหมือนคนบ้าที่ยิ้มโดยไม่มีสาเหตุ แต่รอยยิ้มพิมพ์ใจช่วยให้คู่สนทนารู้สึกผ่อนคลาย และอยากคุยด้วยมากขึ้น

นิสัยที่ 5 คือ เลิกกินของหวานที่อุดมไปด้วยน้ำตาลแม้ร่างกายที่ทำงานหนักอาจจะโหยหาขอเค้กหรือโดนัทสักชิ้น แต่เชื่อได้เลยว่าพลังงานเหล่านั้นจะหายไปและเหลือไว้แต่ความหดหู่ ดังนั้นควรหันไปหาทางเลือกที่ดีกว่า อย่างเช่น ผลไม้ และอย่าลืมเอามาเผื่อพนักงานร่วมโต๊ะด้วย จะได้มีพลังช่วยกันฝ่าฟันโปรเจกต์สุดหินกันได้ถ้วนหน้า

นิสัยที่ 6 คือ ลองหาคลิปวิดีโอตลกๆ ในยูทูบดูเนื่องจากการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยเสียงหัวเราะ ช่วยบรรเทาความเครียด และเลิกคิดมากว่าวันนี้จะต้องเจอพายุงานอะไรถาโถมใส่บ้าง

นิสัยที่ 7 คือ สร้างแรงจูงใจในการทำงานอาจจะให้รางวัลกับทุกชิ้นงานที่ทำเสร็จ เช่น ถ้าเกิดเลขาฯ สุดสวยจัดทริปการเดินทางไปทำธุรกิจให้เจ้านายเสร็จ อาจจะไปนั่งจิบกาแฟชิลๆ สัก 10 นาที แบบนี้ก็จะรู้สึกมีกำลังใจและแรงผลักดันให้ต่อสู้กับภาระชิ้นต่อไปมากขึ้น 
Credit : SmartSME

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ  7 นิสัยเติมพลังเพิ่มความสุขในการทำงาน แล้วกลับมาพบกันใหม่กับ  SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

7 นิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก

วันนี้มาพบกับ 7 นิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ลองมาศึกษานิสัยของพวกเขาดูว่าพวกเขาเหล่านี้มีนิสัยและแนวคิดอย่างไร ถ้าหากศึกษาคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกคุณจะพบความลับบางอย่าง การที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากไม่ได้เกิดจากความคิดหรือการกระทำเท่านั้นแต่เกิดจากสิ่งที่เขามีคล้ายๆกันคือ “นิสัย” พวกเขาผ่านกระบวนการอันทรหดในการสร้างนิสัยของความสำเร็จจนทำให้สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง มาพบกันเลยครับ
7 Habits_1

7 นิสัยที่คล้ายกันของคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก

1. เป็นนักตั้งเป้าหมาย

เขาตั้งเป้าหมายมากมายในสิ่งที่เขาต้องการด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุผลให้กับตัวเองมากพอในแต่ละเป้าหมายว่าทำไมเขาถึงต้องการมัน การตั้งเป็าหมายเป็นการสร้างภาพความสำเร็จล่วงหน้าทำให้เขาสามารถมองเห็นและรู้สึกถึงความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อเป็นพลังพลักดันอย่างมหาศาลในการทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้น

2. โฟกัสทีละอย่าง

พลังของแสงเลเซอร์สามารถตัดวัตถุที่แข็งแรงที่สุดได้เกือบทุกอย่างจากความสามารถในการรวบรวมการโฟกัสทั้งหมดของแสงไปที่จุดหนึ่งของวัตถุจนกระทั่งวัตถุนั้นเริ่มละลาย คนที่ประสบความสำเร็จเป็นเหมือนแสงเลเซอร์ เขาตั้งเป้าหมายอันท้าทาย โฟกัสที่เป้าหมายนั้น ทุ่มเทความพายายามและความสามารถทั้งหมดที่มีอย่างไม่ยอมแพ้จนกว่าจะสำเร็จผล แตกต่างจากคนทั่วไปซึ่งไม่มีโฟกัส พวกเขาทำทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

3. ให้ความสำคัญกับเวลา

เขาใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ คิดถึงคุณค่าที่สร้างขึ้นให้กับตัวเองและผู้อื่นในเวลาที่ใช้ไปแต่ละชัวโมงแทนที่จะเป็นรายเดือนหรือรายปี เขาไม่ได้ใช้เวลามากมายกับ Social Media หรือดูทีวี เพราะเขาต้องการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่สุด

4. ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้

เป็นเรื่องง่ายที่ทำได้อยากสำหรับคนส่วนใหญ่ที่มักมีรายจายเพิ่มขึ้นอย่างเกินตัวเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นเช่น ซื้อรถใหม่ ซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้น Warren Buffet แนะนำว่า “อย่าออมจากเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่ต้องใช้จ่ายจากเงินที่เหลือจากการออม”

5. เรียนรู้และพัฒนาตัวเองเสมอ

ยิ่งคุณรู้มากขึ้นคุณยิ่งสามารถประสบความสำเร็จได้มากขึ้น การทำงานหนักอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จอย่างสูงได้ แต่คุณสามารถเพิ่มคุณค่าของตัวคุณที่มีต่อผู้อื่นได้ด้วยการเริ่มต้นจากการเพิ่มคุณค่าให้กับตัวคุณเอง เรียนรู้สิ่งใหม่ ฝึกฝนทักษะใหม่และหาประสบการณ์ใหม่ให้กับตัวคุณเองทุกวัน

6. ไม่ยอมแพ้

คนประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ผ่านความล้มเหลวมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็สามารถลุกขึ้นยืนได้เสมอกับทุกครั้งที่ล้ม เมื่อคุณไม่ยอมแพ้คุณสามารถเรียนรู้ พัฒนาตัวเองได้จากทุกความผิดพลาดและความล้มเหลวที่คุณมี

7. ใจกว้างและมีน้ำใจ

พวกเขาไม่เพียงสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง แต่พวกเขามุ่งเน้นการสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่นเป็นหลักด้วยในขณะเดียวกันด้วยความเชื่อที่ว่า “ยิ่งให้ คุณยิ่งได้”
credit:succeedlife
ผมเชื่อว่าหากคุณฝึกนิสัยทั้ง 7 ข้อนี้จนเป็นนิสัยของตัวเอง คุณจะสามารถมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขอย่างมหัศจรรย์ แล้วกลับมาพบกันใหม่กับ SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

15 เทคนิคการเพิ่มยอดขายและเพิ่มกำไร

 

1.เพิ่มราคา

แม้ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องอาจจะสวนทางกับกำลังซื้อที่ลดลง แต่หากทำได้ถูกต้องก็สามารถเพิ่มกำไรได้แม้ว่ายอดขายอาจจะตกลง วิธีการคือค่อยๆขึ้นราคาทีละน้อยแบบไม่ให้ลูกค้ารู้สึกตัว หรือปรับผลิตภัณฑ์ให้ดูดีขึ้น พยายามเน้นให้ลูกค้าให้ความสำคัญกับคุณภาพ คุณค่าของผลิตภัณฑ์มากกว่าราคา หรือขึ้นราคาแล้วเพิ่มบริการพิเศษบางอย่างเข้าไปในราคาผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมสำรวจราคาของคู่แข่งด้วย ในบางกรณีที่ขึ้นราคาไม่ได้จริงๆ อาจจะคงราคาแต่ปรับขนาดของผลิตภัณฑ์ให้เล็กลง หรือปรับส่วนประกอบบางอย่าง 


2.พยายามขายเพิ่มเติม

เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าอย่างหนึ่งแล้วพยายามขายสินค้าที่ใช้ร่วมกัน เช่น ลูกค้าซื้อรองเท้า ให้พยายามเสนอขาย ถุงเท้า หรือยาขัดรองเท้า เป็นต้น เทคนิคที่สำคัญคือ พยายามให้ลูกค้าเห็นว่าประหยัดกว่าหรือได้ประโยชน์กว่า ในการซื้อสินค้าสองอย่างพร้อมกัน


3. ทำรายการ Checklist

พนักงานขายควรทำ Checklist สินค้าที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน เช่น หากลูกค้าซื้อสีทาบ้าน แล้วควรเสนอขายแปรงทาสี ทินเนอร์ ฯลฯ เพื่อช่วยให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายเพิ่ม


4.สอบถามลูกค้า

ในกรณีลูกค้าคิดไม่ออก พนักขายต้องทำตัวเป้นที่ปรึกษาสอบถามความต้องการของลูกค้า และเสนอขายสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านรูปแบบและราคา พนักงานขายต้องทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี รู้จักตั้งคำถามเพื่อให้ลูกค้าออกความเห็น บอกความต้องการ เพื่อสร้างโอกาสในการขาย


5.ให้ความช่วยเหลือเรื่องการผ่อนชำระ

ปัจจุบันมีบริษัทมากรายให้บริการเรื่องบัตรเครดิตหรือบัตรการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ท่านต้องติดต่อบริษัทเหล่านี้เอาไว้เพื่อช่วยในการปิดการขายในกรณีที่ลูกค้าต้องการซื้อจริงๆแต่ไม่สามารถชำระเงินก้อนได้ทั้งหมดในคราวเดียว ทั้งต้องประเมินยอดการผ่อนชำระให้เหมาะสมด้วย


6.จำหน่ายสินค้าที่หาซื้อที่อื่นไม่ได้

กรณีนี้สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรได้อย่างแน่นอน เพราะถ้าลูกค้าไม่ซื้อที่ร้านของท่านก็หาซื้อที่ร้านอื่นๆลำบาก ถ้าใช้เทคนิคนี้ต้องไม่ง้อลูกค้าด้วยการลดราคาเป็นอันขาด เพราะเหตุผลที่ลูกค้ามาซื้อร้านเราเพราะหาซื้อที่อื่นไม่ได้ ที่สำคัญก่อนใช้เทคนิคนี้ต้องเลือกลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนและสำรวจตลาดสำรวจคู่แข่งให้ดีเสียก่อน


7.การจัดเรียงสินค้า

สินค้าต้องจัดเรียงอย่างเด่นชัด มีป้ายราคาหรือวัตถุส่งเสริมการขายชัดเจน สินค้าที่ขายดี ต้องวางในระดับสายตาที่หยิบได้สะดวก ควรมีสินค้าโปรโมชั่นเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้าน


8.Impulse Buys

เทคนิคนี้คือการจัดเรียงสินค้าที่ซื้อง่าย ราคาไม่แพง ตัดสินใจซื้อง่ายไว้ใกล้ๆ จุดชำระสินค้า เช่น ขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่ง ฯลฯ โดยทั่วไปในระหว่างที่ลูกค้ารอชำระเงินมักมองไปรอบๆซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสินค้าเหล่านี้หรือการจัดเรียงสินค้าที่ต้องใช้ด้วยกันไว้ใกล้กันก็เพิ่มโอกาสในการขายได้ เช่น กระบอกไฟฉาย และ ถ่านไฟฉาย


9.เสนอขายสินค้าเป็นชุดหรือขายจำนวนมาก

เช่นการขายเป็นแพ็กๆในราคาพิเศษ ที่สำคัญคือต้องให้ลูกค้าเห้นว่าถูกกว่าเมื่อซื้อจำนวนมากขึ้น และควรใช้กับสินค้าที่ต้องใช้ประจำ เช่น ผงซักฟอก น้ำอัดลม สบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ


10.ใช้ CRM ในการเพิ่มยอดขาย

การจดจำความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ทักทายลูกค้าด้วยชื่อและตำแหน่งที่ถูกต้อง จัดเตรียมที่ลูกค้าซื้อประจำให้พร้อม ความประทับที่เกิดกับลูกค้าจะทำให้ลูกค้าซื้อมากขึ้นและซื้อบ่อยๆขึ้น จนเกิดเป็นลูกค้าขาประจำในที่สุด


11.ฝึกอบรมพนักงานขายให้เข้าใจงานขายและลูกค้าตัวอย่างแท้จริง

มีความเป็นมืออาชีพในสินค้าที่ขาย รู้จริงเรื่องของสินค้าที่เสนอขาย มีความอ่อนน้อม มีสัมมาคารวะ เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขาย


12.ให้บริการพิเศษหรือรางวัลพิเศษเมื่อลูกค้าซ้อถึงเป้าที่กำหนด

เช่น ให้บริการส่งถึงบ้าน หรือแถมของแถม หรือสินค้าเพิ่มเติม ฯลฯ ที่สำคัญต้องแสดงออกในลักษณะที่ทำให้ด้วยความเต็มใจและขอบคุณลูกค้าอย่างยิ่งที่ช่วยซื้อเพิ่ม ควรพูดให้ลักษณะสนอแนะ เช่น หากลูกค้าช่วยซื้อเพิ่มอีกเท่านั้นเท่านี้ ก็จะสัมมนาคุณด้วยสินค้าพิเศษหรือบริการพิเศษ เป็นต้น


13.ตั้งเป้ายอดขายให้พนักงานแต่ละคน

โดยมีรางวัลพิเศษเป็นตัวกระตุ้น แต่ไม่ควรตั้งเป้าสูงจนเกินความสามารถพนักงานหรือความเป็นจริง และควรตั้งเป้าสำหรับทีมขายด้วย เพราะหากพนักงานขายไม่สามารถทำได้ตามเป้าในการขายรายบุคคล ยังสามารถช่วยทีมให้ถึงเป้าและได้รับส่วนแบ่งได้บ้าง


14.รายการส่งเสริมการขายต่างๆ

เช่น การแจกของแถมตามจำนวนซื้อที่กำหนด การให้ส่วนลด ซื้อ1 แถม 1 หรือซื้อ 2 แถม 1 หรือซื้อสินค้าแรกราคาเต็มแล้วสินค้าชิ้นต่อไปในราคาพิเศษ หรือซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งแล้วให้คูปองจับฉลากส่วนลดในการซื้อสินค้าอื่นๆ ต่อไป ที่สำคัญต้องคำนึงถึงผลลัพธ์รายการส่งเสริมการขายนั้นๆ ว่าคุ้มทุน ได้ยอดขาย ได้กำไร ตามที่ต้องการหรือเปล่า


15.การส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ

เช่น ถ้าทำธุรกิจอู่รถยนต์อาจจะทำการส่งเสริมการขายร่วมกับกิจการล้างรถยนต์ เป็นต้น

credit:smartsme
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนที่อยากจะกระตุ้นให้ท่านที่ใช้ความคิด อย่ายอมแพ้ หมดอาลัยตายอยากไปกับปัญหาเศรษฐกิจ อย่างที่เขาว่ากันว่าในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ อย่างน้อยก็โอกาสให้คิดมากขึ้น
แล้วกลับมาพบกันใหม่กับ 
SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แจ็ค หม่า จาก 500 บาทเป็น 5 ล้านล้านบาท สอนการใช้ชีวิตและธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

วันนี้มาพบเรื่องราวของชายผู้นี้ มีนามว่า แจ็ค หม่า รับชมกันเลยครับ
แจ็ค หม่า จากชายผู้มีเงินเดือน 500 บาท ตอนนี้บริษัท Alibaba ของเค้ามีมูลค่ามากกว่า 5 ล้านล้านบาท เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า eBay, Twitter และ LinkedIn รวมกัน เมื่อวันที่ Alibaba Group ขายหุ้น IPO เป็นวันแรก ก็ขึ้นแซง Facebook เลย! นับเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในจีนตอนนี้

วันนี้แฮกชีวิตนำคำสอนของ แจ็ค หม่า ว่าเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจได้อย่างไรบ้าง

“สิ่งที่ผมเสียใจที่สุด”

เมื่อปี ค.ศ. 2001 ผมได้ทำสิ่งผิดพลาดเป็นอย่างมากที่บอกให้ 18 คนผู้ร่วมลงเรือลำเดียวกันตั้งแต่เริ่มธุรกิจว่า ตำแหน่งสูงสุดที่พวกเขาสามารถเป็นได้คือการทำงานในตำแหน่งระดับการจัดการเท่านั้น ส่วนตำแหน่งประธานและตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของเรานั้น เราจำเป็นจะต้องจ้างบุคคลภายนอกมาบริหารงาน แต่เพียงแค่ไม่กี่ปีต่อมา พวกเค้าเหล่านั้นก็ลาออก

..และสุดท้ายแล้ว บุคลากรภายในบริษัทที่อยู่มาตั้งแต่แรกเหล่านั้นก็เติบโต กลายประธานและผู้บริหารระดับสูง คนซึ่งผมเคยสงสัยในความสามารถของพวกเขา

หลังจากนั้นมาจึงทำให้ผมเชื่ออยู่ใน 2 อย่าง คือ

ทัศนคติของคุณนั้นสำคัญกว่าความสามารถ
การตัดสินใจของคุณนั้นก็สำคัญกว่าความสามารถ
“คุณไม่สามารถที่จะทำให้คนทุกคนนั้นคิดเหมือนกันได้หรอก แต่คุณสามารถที่จะทำให้ทุกคนก้าวไปทางเดียวกันได้ด้วยเป้าหมายเดียวกัน”

อย่าพยายามแม้แต่จะคิดว่าคุณจะทำให้ทุกคนคิดเหมือนกันได้… มันไม่มีทางเป็นไปได้!

30% ของผู้คนทั้งหมดนั้น จะไม่มีวันเชื่อคุณเลย… ดังนั้นอย่าพยายามทำให้เพื่อนร่วมงานและพนักงานทำงานให้คุณ แต่จงทำให้เค้าทำงานเพื่อเป้าหมายร่วมกัน

สร้างบริษัทให้รวมใจกันอยู่ภายใต้เป้าหมายร่วมกัน ง่ายกว่าการทำงานภายใต้ตามคำสั่งของใครคนใดคนหนึ่งหรือเพื่อคนคนหนึ่ง

ผู้นำมีอะไรที่พนักงานทั่วไปไม่มี?

คนที่เป็นผู้นำนั้นไม่ควรนำทักษะเชิงเทคนิคของตัวเองไปเปรียบเทียบกับพนักงาน พนักงานของคุณจำเป็นต้องมีทักษะเชิงเทคนิคมากกว่าคุณอยู่แล้ว ถ้าหากเค้าไม่มี แสดงว่าคุณจ้างคนผิดแล้วล่ะ

แล้วอะไรละที่ทำให้ผู้นำโดดเด่น

ผู้นำนั้นควรจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าพนักงานธรรมดา
ผู้นำควรจะมีกล้าหาญ ยืดหยัด และความอดทนในสิ่งที่พนักงานธรรมดาไม่สามารถทำได้
ผู้นำควรจะมีความอึดและความสามารถที่จะยอมรับสิ่งที่ล้มเหลวได้
แน่นอนว่าคุณภาพของผู้นำที่ดีนั้นอยู่ที่วิสัยทัศน์ แรงใจและความสามารถ

อย่าริยุ่งการเมือง

คุณต้องเข้าใจเสมอว่าเงินและอำนาจทางการเมือง มันอยู่ที่เดียวกันไม่ได้ หากคุณอยู่ในการเมือง ก็ไม่ควรคิดเรื่องเงินอีกต่อไป หากคุณทำธุรกิจ ก็อย่าเที่ยวไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

หากสองอย่างนี้เจอกันเมื่อไหร่ละก็ รอวันจบไม่สวย… :)

4 คำถามที่เด็กรุ่นใหม่ควรจะเฝ้าถามตัวเอง

ความล้มเหลวคืออะไร? การยอมแพ้นั้นเป็นความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ความยืดหยุ่นคืออะไร? คุณจะเข้าใจความหมายของคุณก็ต่อเมื่อคุณผ่านความยากลำบาก ผ่านความทุกข์และความผิดหวังมาแล้วเท่านั้น

ความรับผิดชอบและหน้าที่คืออะไร? คือการที่จะต้องขยันมากขึ้น ทำงานหนักและความทะเยอทะยานกว่าคนอื่น ๆ คนโง่เท่านั้นที่ใช้ปากของพวกเขาที่จะพูด คนฉลาดใช้สมองของเขา และคนที่ปราดเปรื่องจะใช้หัวใจของเขา

คนเรานั้นเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตและหาประสบการณ์ชีวิต

ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงาน แต่เพื่อสนุกกับชีวิต และเราเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ดีกว่า ไม่ได้เพื่อทำงาน หากคุณใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำงาน คุณจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน

ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานมากเพียงใดก็ตาม คุณจะต้องจำไว้ว่า เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ถ้าคุณยุ่งแต่กับการทำงาน ในที่สุดคุณจะต้องเสียใจ

เวทีแข่งขันและการแข่งขันในธุรกิจ

พวกที่บ้าแข่งขันกันอย่างระห่ำนั้นคือพวกโง่
หากคุณมองทุกคนรอบตัวเป็นศัตรู ทุกคนรอบตัวคุณก็จะเป็นศัตรูของคุณ
หากคุณทำการแข่งขันกับคู่แข่ง อย่าพยายามใช้ความเกลียดชัง ความเกลียดจะทำให้คุณพ่ายแพ้
การแข่งขันนั้นคล้ายกับการเล่นหมากกระดานหากคุณแพ้กระดานนี้ คุณก็มีโอกาสเล่นต่อในกระดานต่อไป ดังนั้นทั้งสองฝั่งไม่ควรจะสู้กันเอง
นักธุรกิจที่แท้จริงนั้นไม่ควรมีศัตรูเลย หากใครเข้าใจจุดนี้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในโลกธุรกิจ
อย่าจู้จี้ขี้บ่นเป็นนิสัย

ถ้านานๆ ครั้ง ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่หากบ่นเป็นนิสัยแล้ว คุณก็จะยิ่งบ่นมากขึ้นไปอีก เปรียบได้กับดื่มน้ำทะเล ยิ่งดื่มก็ยิ่งกระหาย ดื่มไปไม่ได้ช่วยอะไร การบ่นก็เหมือนกัน การบ่นเยอะๆมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น หนทางสู่ความสำเร็จนั้น คุณจะสังเกตได้ว่าผู้ที่สำเร็จมักจะไม่ขี้บ่น…

โลกนี้จำไม่ได้หรอกว่าคุณพูดอะไรไป แต่จะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำ

คำแนะนำของ แจ็ค หม่า สำหรับผู้ประกอบการ

โอกาสที่ทุกคนไม่เห็นนั้นคือโอกาสที่แท้จริง
ต้องให้พนักงานคุณมาถึงที่ทำงานด้วยรอยยิ้มเสมอ
ลูกค้าต้องมาอันดับ 1, พนักงานอันดับ 2, และผู้ถือหุ้นมาอันดับ 3
นำมาใช้และเปลี่ยนแปลงก่อนเทรนด์หรือการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ จะเกิดขึ้น
ลืมเรื่องเงิน ลืมเรื่องการหาเงินไปซะ
แทนที่จะไปเสียเวลากับเทคนิคเล็กน้อยการเรียกลูกค้าใหม่ ควรมุ่งเน้นไปที่การครองใจและดูแลลูกค้าเก่า
ทัศนคติของคุณจะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน
การเป็นผู้ประกอบการ

โอกาสที่ยิ่งใหญ่นั้นมักจะอธิบายชัดเจนไม่ได้ ส่วนสิ่งที่อธิบายชัดเจนได้นั้นมักจะไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุด
คุณควรจะหาคนที่มาทำให้บริษัทสมบูรณ์ขึ้น โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องหาคนที่ประสบความสำเร็จ หาคนที่ใช่ ไม่ใช่หาคนที่ดีที่สุด
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือมากที่สุดในโลกนี้คือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
“ฟรี” เป็นคำที่แพงที่สุด
วันนี้เป็นวันที่โหดร้าย พรุ่งนี้จะเป็นวันที่จะแย่กว่า แต่มะรืนนี้จะเป็นวันที่สวยงาม
4 สิ่งต้องห้ามของผู้ประกอบการ

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการเริ่มต้นธุรกิจคือ การที่ไม่สามารถจะมองเห็น ประมาท ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่สามารถรักษาระดับได้
ถ้าคุณไม่ทราบว่าคู่แข่งของคุณอยู่ที่ไหน มั่นใจเกินเหตุและประมาทคู่แข่งเกินไป ในที่สุดคุณก็จะตามหลังเค้า
“First they ignore you, then they laugh at you, then they fight you, then you win.” อย่าเป็น “they” ในประโยคข้างต้น

ถึงแม้คู่แข่งของคุณยังเล็กหรืออ่อนแอ คุณควรประเมินเค้าอย่างจริงจังและปฏิบัติต่อเค้าเหมือนเค้าเป็นยักษ์ใหญ่
ในทางเดียวกัน หากคู่แข่งของคุณเป็นยักษ์ใหญ่ คุณก็ไม่ควรมองตัวเองว่าอ่อนแอ
การเปิดบริษัทของคุณเอง

ความหมายของการเริ่มต้นบริษัทคือ คุณจะสูญเสียรายได้ที่มั่นคง คุณจะมีสิทธิ์หยุดได้ตามใจ จะได้โบนัสหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ อย่างไรก็ตาม มันก็หมายความว่า รายได้ของคุณก็จะไม่ถูกจำกัด คุณจะใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและคุณจะไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนอีกต่อไป

หากคุณมีความคิดที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์ของคุณก็จะแตกต่าง ถ้าคุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่แตกต่างจากคนรอบข้างคุณ ชีวิตของคุณจะแตกต่างจากคนรอบข้างคุณ

โอกาส

ถ้าหากมีข้อเสนอนึงมาแล้วคนส่วนใหญ่ตอบว่า “ใช่” มากกว่า 90%, ผมก็จะทิ้งข้อเสนอนั้นลงถังขยะในทันที

เหตุผลง่ายนิดเดียวคือ ถ้าหากมีคนเยอะขนาดนี้คิดว่าข้อเสนอนี้ดี แสดงว่ามีคนอีกเยอะที่กำลังทำงานนี้อยู่ และโอกาสนั้นมันก็ไม่ได้เป็นของเราแล้ว

credit: hacklife

เป็นไงกันบ้างครับ กับ แจ็ค หม่า หวังว่าทุกท่านได้รับเรื่องราวดีๆจากการอ่านเรื่องนี้กันนะครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่กับ SimpleThings เรื่องง่ายๆที่คุณก็ทำได้ สวัสดีครับ